สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพจัดประชุมเรื่องประวัติศาสตร์ สุขภาพและความทรงจำเมื่อ สิงหาคมทีผ่านมา โดยมีนักประวัติศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ นักวิจัยด้านสุขภาพชุมชน นักพัฒนาเอกชน และผู้สนใจกว่า 50 คน สัมมนาแลกเปลี่ยนทางวิชาการ มีวัตถุประสงค์คือ
1) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ประวัติศาสตร์ด้านสุขภาพให้สามารถขยายกรอบแนวคิด และวิธีการศึกษาให้กว้างออกไปจากพัฒนาการการแพทย์และการสาธารณสุขของรัฐไทย 2) เป็นเวทีการประสานแนวคิดและปฏิบัติการทางสังคมของคนทำงานด้านสังคมและสุขภาพ ในวาระหนึ่งของการขับเคลื่อนงานประวัติศาสตร์สุขภาพที่สร้างสำนึกใหม่ของ ระบบสุขภาพที่ไม่ได้มีการแพทย์ระบบเดียว 3) เป็นพื้นที่การสนทนาความรู้และปฏิบัติการเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายทางวิชาการประวัติศาสตร์ สังคมวิทยามานุษยวิทยาและสุขภาพ
สรุปการสัมมนาวิชาการสังคมและสุขภาพ ปี 2552 วันที่ 4-6 สิงหาคม 2552 ณ สวนสามพราน โรสการ์เด้น ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จังหวัดนครปฐม การสัมมนาวิชาการสังคมและสุขภาพ ปี 2552 วันที่ 4-6 สิงหาคม 2552 ณ สวนสามพราน โรสการ์เด้น ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จังหวัดนครปฐม วาระการจัดสัมมนาประจำปีของสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพปีนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นพื้นที่การสนทนาความรู้และปฏิบัติการเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายทาง วิชาการประวัติศาสตร์ สังคมวิทยามานุษยวิทยาและสุขภาพ โดยการจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ตลอดจนแนวทาง วิธีการ และประสบการณ์ ในการทำงานด้านประวัติศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มิติทางประวัติศาสตร์ของปัญหาสาธารณสุขร่วมสมัย จากการสนับสนุนงบประมาณของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงมีผลทำให้เกิดการขยายความร่วมมือการทำงานสังคมและสุขภาพกับเครือข่ายนัก วิชาการ สถาบันการศึกษาและเครือข่ายสุขภาพชุมชนที่กำลังดำเนินงานและมีความเคลื่อน ไหวด้านประวัติศาสร์และพิพิธภัณฑ์สุขภาพ ให้นำไปสู่การขับเคลื่อนงานหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย
ผลการสัมมนามีครั้งนี้ ได้รับทั้งเนื้อหาและความร่วมมือในการทำงานสร้างองค์ความรู้ประวัติศาสตร์ สุขภาพในอนาคต เป็นการขับเคลื่อนการสร้างความรู้สุขภาพกับสังคมผ่านสาขาความรู้ด้านประวัติ ศาสตร์ เวทีการนำเสนอ อภิปรายและแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ของเครือข่ายนักวิชาการหลายสาขา จำนวน 86 คน ในประเด็นหัวข้องานด้านหอจดหมายเหตุ พิพิธภัณฑ์ และประวัติศาสตร์สุขภาพ จึงสรุปผลการสัมมนาได้ดังนี้
1. พิพิธภัณฑ์มีความหมายได้มากกว่าแหล่งอนุรักษ์วัตถุสิ่งของทางวัฒนธรรมแต่ สามารถเป็นกระบวนการที่บอกเรื่องราวภาวะความเป็นมนุษย์ที่มีความหวังมีความ เจ็บปวด บอกเล่าความเป็นมาและเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตตามยุคสมัยได้พิพิธภัณฑ์จึงเป็น พื้นที่การเรียนรู้และทำความเข้าใจมนุษย์ที่แตกต่างทางวัฒนธรรมแต่มีความ รู้สึกนึกคิดที่แบ่งปันกันได้ ประสบการณ์เรียนรู้ตรงจากการทำงานของวิทยากรได้ขยายกรอบแนวคิดให้การจัดทำ พิพิธภัณฑ์สุขภาพที่จะเกิดขึ้นต่อไปยั่งยืนได้นั้น คือการทำให้พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ให้ชีวิตและผู้คนเป็นตัวตั้งการเดินเรื่อง และมีชีวิตผู้คนร่วมคิดและดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ อย่างมีเจตจำนง โดยการจัดการที่ดีอีกทั้งมีเครือข่ายเชื่อมโยงการทำงานกันตั้งแต่ขั้นเริ่ม ต้น
2. ประวัติศาสตร์เป็นความทรงจำร่วมของผู้คนในสังคม ประวัติศาสตร์สุขภาพจึงมาจากความทรงจำร่วมของคนทุกคนในสังคมที่มีประสบการณ์ ร่วมกันแต่ละยุคสมัย ความรู้ทางประวัติศาสตร์สุขภาพจึงมีหลายชุดที่ต้องนำมาเชื่อมโยงกัน ซึ่งจะเข้าใจรากเหง้าเชิงโครงสร้างที่กำกับการเขียนประวัติศาสตร์ จนเห็นแต่ประวัติศาสตร์เชิงสถาบัน แต่กรณีการศึกษาและทำงานทางมานุษยวิทยาร่วมกับการใช้วิธีการศึกษาประวัติ ศาสตร์ท้องถิ่น ทำให้เห็นประวัติศาสตร์ที่มีมนุษย์ตัวเล็กตัวน้อยเป็นองค์ประธาน จากกรณีกลุ่มผู้ติดเชื้อของกลุ่มชาติพันธุ์ที่นำมาเสนอในเวที ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือการเรียนรู้จักรากเหง้าความเป็นมาของตนเองและ บรรพบุรุษ กระบวนการเรียนรู้ประวัติศาสตร์กลายเป็นการสร้างความทรงจำร่วมกันจนเกิดพลัง ของกลุ่มและชุมชนที่เรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ที่เกิดขึ้น
3. การสัมมนาผู้รู้เห็นประวัติศาสตร์สุขภาพ เป็นวิธีการใหม่ที่เริ่มทดลองนำมาใช้ในสังคมไทย ในรูปแบบการสนทนาของกลุ่มบุคคลผู้อยู่ในช่วงเวลาและเหตุการณ์เดียวกัน บทสนทนานี้ไม่ใช่คำอธิบายทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นความพยายามในการผลิตหลักฐานชั้นต้น ทั้งในรูปการบันทึกเสียง การถอดเทปบันทึกการจัดพิมพ์ที่มีการค้นคว้าอ้างอิง เป็นข้อเท็จจริงที่นำมาจัดเก็บไว้รอให้นักประวัติศาสตร์มาค้นคว้าต่อไป ซึ่งก่อให้เกิดบทเรียนในการจัดครั้งต่อ ๆ ไป คือ 3.1ก่อนจัดสัมมนาผู้รู้เห็นแต่ละหัวข้อ ควรมีขั้นตอนการค้นคว้าศึกษาเรื่องนั้นอย่างรอบด้าน ให้รู้ถึงบริบทและข้อถกเถียงสำคัญ ๆ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3.2 หอจดหมายเหตุสุขภาพมีภารกิจการรวบรวมและจัดระบบเอกสารชั้นต้น สำหรับให้นักประวัติศาสตร์และผู้สนใจมาค้นคว้า โดยไม่เคยรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าข้อมูลที่เก็บรักษาไว้นี้จะมีการนำไปใช้และตี ค่าให้ความหมายอย่างไร คือข้อเท็จจริงทุกคำพูดข้อมูลทุกชิ้นจึงมีคุณค่าบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ ได้ฉะนั้นกระบวนการบันทึก สืบค้น ตรวจสอบและจัดเก็บจึงสำคัญมาก แม้แต่ ระบบบันทึกเสียงที่เป็นเรื่องเทคนิคยิ่งไม่ควรพลาดเลย 3.3 หอจดหมายเหตุสุขภาพน่าจะมีบทบาทส่งเสริมการวิจัยค้นคว้าโดยการประชาสัมพันธ์ กระตุ้นและสนับสนุนทุนแก่นักศึกษา โดยตั้งเงื่อนไขว่า ให้ค้นคว้าใช้และอ้างอิงเอกสารจากหอจดหมายเหตุ ซึ่งเป็นการทำให้เกิดงานศึกษาวิจัยใหม่ ๆ และใช้ทุนไม่มากนัก
สรุปโดย ปารณัฐ สุขสุทธิ์